ออกหมายจับพระผูัไม่ต่อสู้
รัฐสร้างความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น ลุแก่อำนาจ
การที่ DSI ขอให้ศาลยุติธรรมออกหมายจับ พระเทพญาณมหามุนี( หลวงพ่อธัมมชโย ) แห่งวัดพระธรรมกาย กรณีขอผัดผ่อนเลื่อนมาให้การในคดีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐาน ด้วยเหตุผลที่ท่านอาพาธ และมีคำรับรองของแพทย์ว่า อาพาธจริง
การออกหมายจับในครั้งนี้ ภาครัฐกำลังก้าวพลาดครั้งสำคัญ เพราะเป็นการออกหมายจับ
ผู้ที่ศาลฯยังมิได้พิพากษาว่าเป็นจำเลยนั่นประการแรก
ประการที่สอง
ผู้ถูกกล่าวหา มีเหตุผลอันควรที่เจ็บป่วยจริงๆมิได้เสแสร้ง และมีแพทย์ผู้มีใบประกอบโรคศิลป์
ให้คำรับรองว่าท่านอาพาธจริงการไม่เชื่อถือแพทย์ อาจเป็นเหตุผลรองลงไปจากการที่ DSI ที่เป็นตัวแทนภาครัฐมีธงในใจที่จะต้องการเร่งรัดอะไรบางอย่างหรือไม่ นี่คือการพลาดประการที่สอง
ประการที่สาม
ภาครัฐ ใช้ DSI เป็นหนังหน้าไฟ กระทำการสร้างความขัดแย้งครั้งสำคัญ
ประกาศศึกกับฝ่าย ศาสนจักร อย่าลืมว่า พระธัมมชโย ยังมิได้มีฐานะเป็นจำเลย ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการไต่สวนดังนั้น การไม่ยอมผ่อนปรน โดยอาจเร่งรัดเพื่อหวังผลในใจอย่างไรหรือไม่
ประการใดก็ตาม นับเป็นการ “สร้างความขัดแย้ง“โดยไม่จำเป็น และเป็นการขัดแย้งครั้งสำคัญ ที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของชาวพุทธโดยรวมหากไม่นับขั้วการเมือง
การก้าวพลาด เพียงเพราะลุแก่อำนาจในครั้งนี้ของภาครัฐยังจะนับได้อยู่หรือไม่ว่า กระบวนการสร้างความปรองดองที่มีมาตั้งแต่ต้น ความตั้งใจที่จะกระทำให้บ้านเมืองสงบสุข ตามที่รัฐบาล โดยการนำของ คสช. ป่าวประกาศต่อประชาชน ต่อสังคมโลก จะเป็นจริงหรือไม่
ขอศาลฯที่เคารพ ได้โปรดตรองดูด้วยหัวใจที่เป็นธรรม ดิฉัน กราบขอความเมตตาแทนศาสนจักรโดยรวม โดยเล็งเห็นถึงความสงบสุขของประเทศชาติ เล็งเห็นถึงสิ่งที่จะสูญเสียโดยไม่อาจเรียกคืน นั่นคือ การสูญเสียศรัทธา ที่ประชาชนจะมีต่อภาครัฐ ต่ออาณาจักรของตนอย่างไม่อาจจะเรียกคืนได้อีกต่อไป
ศศินภา นิติธรรมปพน
อดีตคณะกรรมการปฏิรูปแนวทาง
และมาตรการปกป้องพิทักษ์
กิจการพระพุทธศาสนา
สภาปฏิรูปแห่งชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น