วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พลิกแผนดีเอสไอ โดยรองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เผยเหมือนเล่นเกมส์จริงๆ ย้ำดีเอสไอมีสิทธิแจ้งข้อกล่าวหาที่ไหนก็ได้ ลูกศิษย์ตั้งข้อสังเกตอาจมีแผนจับพระธัมมชโยสึก

พลิกแผนดีเอสไอ โดยรองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เผยเหมือนเล่นเกมส์จริงๆ ย้ำดีเอสไอมีสิทธิแจ้งข้อกล่าวหาที่ไหนก็ได้ ลูกศิษย์ตั้งข้อสังเกตอาจมีแผนจับพระธัมมชโยสึก

       คุณปรเมษฐ์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาออกมาเผยเบื้องแท้และเบื้องหลัง ตอบทุกเม็ดแบบชัด ๆ ล้วงผลิกแผน ย้ำชัดว่า ดีเอสไอในฐานะพนักงานสอบสอบมีอำนาจที่ จะแจ้งข้อกล่าวหาที่ไหนก็ได้
          ในกรณีของวันนี้ 26 พ.ค. ที่พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่สามารถเดินทางไปมอบตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ที่ สภอ.คลองหลวง ตรงข้ามวัดพระธรรมกายได้ตามที่นัดหมายไว้ในเวลา 14.30 น. โดยอ้าง ว่าขณะกำลังย้ายพระธัมมชโยจากเตียงพยาบาลมาขึ้นรถ ปรากฏว่าพระธัมมชโยมีอาการลมตีขึ้น เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลมกระทันหัน และดีเอสไอเองกำลังจะขอหมายหมายค้นจากศาล และเข้าจับกุมพระธัมมชโยในวัดธรรมกายนั้น
         วันนี้ คุณปรเมษฐ์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา สำนักงานคดีอาญาออกมาเผยเบื้องแท้และเบื้องหลัง ตอบทุกเม็ดแบบชัด ๆ ล้วงผลิกแผน ย้ำชัดว่า ดีเอสไอในฐานะพนักงานสอบสอบมีอำนาจที่ จะแจ้งข้อกล่าวหาที่ไหนก็ได้ ทำให้วุ่นวายกันไปเปล่า ๆ ทำไมแจ้งที่คลองหลวงได้ แจ้งที่วัดไม่ได้ เรามาลองติดตามกันครับ
        วันนี้ไทยรัฐทีวีช่อง 32 ได้สัมภาษณ์พิเศษคุณปรเมษฐ์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ในกรณีที่มีดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยในวันนี้ 26 พ.ค. ที่สภอ. คลองหลวง ถือว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ มีการผ่อนผันได้ไหม
      ท่านรองอธิบดีอัยการ: ผมขอตอบว่าจริงๆ แล้ว ในการดำเนินแจ้งข้อกล่าวหา มันเป็นไปตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 เมื่อผู้ต้องหาปรากฏตัว กฏหมายเขียนว่าจะผู้ต้องหาถูกเรียกหรือส่งตัวมา หรือพนักงานสอบสวนเอง หรือต่อหน้าพนักงานสอบสวน ให้ถามชื่อและแจ้งข้อกล่าวหาคือประเด็นที่หนึ่ง

สำหรับคำถามว่าต้องแจ้งที่ไหน
         ท่านรองอธิบดีอัยการย้ำชัดว่า พนักงานสอบสอบมีอำนาจที่จะเรียกมาได้ทั้งนั้น จะทำการในที่ใด เวลาใดก็ได้ แล้วแต่จะเห็นสมควร ก็หมายว่าเรื่องของการสอบสวนนั้น จะแจ้งข้อกล่าวหาที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรอวันทำการของพนักงานสอบสวน ในกรณีของธัมมชโย ก็สามารถไปแจ้งที่วัดได้ แจ้งแล้วจะควบคุมตัวหรือไม่นั้น จากนั้นก็ต้องดูกัน เพราะให้อำนาจเจ้าพนักงานสอบสวน ถ้าไม่ควบคุมตัวก็ให้ประกันไป ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติถ้าจะไปแจ้งที่วัด แต่ผมว่าเป็นการเล่นเกมส์กันมากเกินไป ทำให้วุ่นวายกันไปเปล่าๆ ทำไมแจ้งที่คลองหลวงได้ แจ้งที่วัดไม่ได้ ตั้งข้อสังเกตไหม ทำไมต้องมาที่ดีเอส แล้วครั้งนี้มาคลองหลวง ถ้ามาที่คลองหลวงได้ ก็มาที่วัดได้เหมือนกัน

มีคำถามว่า ดีเอสไอ อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่
       ท่านรองอธิบดีอัยการตอบ อันนั้นอาจเป็นเหตุผลทางการปฏิบัติของเขา แต่ที่จริงๆ แล้ว เราก็ดำเนินคดีไปตามปกติ ทุกวันนี้ การดำเนินคดีรู้สึกมันบิดเบี้ยว ผิดเพี้ยนไป มันไม่ค่อยเป็นไปตามหลัก ถ้าเข้าไปแล้วแจ้งข้อกล่าวหา ธัมมชโยจะให้การอย่างไร จะให้การเป็นลายลักษณ์อักษร หรือให้การด้วยวาจา ก็เป็นสิทธิของเขาเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรผิดปกติเลย จริงๆ แล้วสบายๆ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมนี้ การใช้กฎหมายค่อนข้างจะมีปัญหาทุกวัน

ถามว่าในกรณีพระธัมมชโยที่อาพาธหนัก ความเห็นของท่านตามเห็นสมควร ดีเอสไอควรที่จะเข้าไปพบ ผู้ที่มีอาการป่วยแบบนี้ และแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่
       ท่านรองอธิบดีอัยการเผยว่า ก็ได้เยอะแยะ ขนาดไปแจ้งข้อกล่าวหาในเรืองจำก็ยังมี นอนป่วยในเรือนจำ นอนป่วยในโรงพยาบาล ก็ไปแจ้ง ไม่ใช่ว่าแจ้งไม่ได้ มันแจ้งได้ ต้องเข้าใจคนพอมีคดีเข้าอาจไม่ปกติ มีอาการป่วย การจะถามว่าลุกขึ้นเดินได้ไหม ไม่ใช่สาระ พูดตรงๆถ้าผมเป็นนะ อันนี้ไม่เกี่ยวกับคดีนะ และไม่อยู่ในฐานะพนักงานอัยการ ถ้าธัมมชโยสามารถขึ้นรถพยาบาลไปรับข้อกล่าวหาได้ และเดี๋ยวนี้พนักงานสอบสวน ผมชื่นชนอยู่อันนึง พอเรียกใครไปมอบตัว เค้าก็ไม่ต้องประกันตัว หลายคดีก็ไม่ต้องประกันตัว ก็ถือว่ามาตามกำหนด ก็จบ ไม่มีอะไรยุ่งยาก แต่มีได้ข่าวว่า จะต้องมีประกัน ห้าล้านนั้นไม่ใช่เรื่องหลัก เรื่องหลักคือคุณมารับทราบข้อกล่าวหา จะให้การอย่างไร ก็ให้การไป
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจากไทยรัฐทีวีช่อง 32

เร่งด่วนมากหรือไง? ได้อะไรครับ? ดีเอสไอ

เร่งด่วนมากหรือไง?  ได้อะไรครับ?  ดีเอสไอ

1.   คนเลวหรือคนดี ที่จะปล่อยให้มีการบุกจับ จนอาจเป็นเหตุ
ให้มีผู้บาดเจ็บหรือตายเป็นสิบ เป็นร้อย หรือมากกว่านั้น เพียง
เพราะพระไม่ไปมอบตัว ต่อการ "กล่าวโทษ" ว่ายักยอกทรัพย์
และฟอกเงิน "ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานต่อสาธารณชน” ทั้งที่พระ
ท่านก็ป่วยและเชิญให้เข้ามาตรวจ แต่ดีเอสไอไม่ยอมส่งแพทย์
มาตรวจ จงใจหาเหตุเข้ามาจับให้ได้  ทำให้ผู้เคารพศรัทธา
เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้านคน หวาดกลัวว่าจะมาทำร้ายพระ
ถึงขนาดมาอยู่วัดเป็นหมื่นคน แล้วประกาศขอยอมตาย
ไหนจะญาติพี่น้องทางบ้านเขาเหล่านั้นอีกที่ต้องทุกข์กังวลใจ

2.   คนเลวหรือคนดี ที่จะไชโยโห่ร้อง หากเจ้าหน้าที่จะทำรุนแรง
     อย่างนั้น
3.   คนดีๆ จะไม่ยอมตัดสินอะไรง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องถึงชีวิต

"ปล่อยโจร 10 คน ยังดีกว่าลงโทษผู้บริสุทธิ์คนเดียว"
"Better that ten guilty persons escape than
 that one innocent suffer"
(Sir William Blackstone 1723-1780)
เกือบทุกประเทศทั่วโลกยึดหลักการนี้เหมือนกันหมด
เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ต้องสงสัยที่อยู่ระหว่างการสืบสวน
และยังไม่มีคำตัดสินชี้ขาดจากศาล โดยให้ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์

4.   เรื่องนี้ ยังไม่ถึงศาลเลย พระยังไม่ได้เป็นจำเลยเสียด้วยซ้ำ
แต่ ดีเอสไอ คงคาดการณ์แล้วใช่หรือไม่ ว่า ถ้าไม่เข้าไปหาพระ
ผลจะบานปลายมาถึงขนาดนี้  แถมมีผลให้สื่อและผู้ที่ไม่รู้เท่าทัน
ช่วยรุมพระให้เป็นจำเลยสังคม แล้วจะได้นำกำลังมาจัดการ
ให้เหมือนว่าทำถูกต้องตามกฏหมาย ใช่หรือเปล่า

จะเรียกว่า "ใจดำอมหิต" ได้ไหม

"ท่านมีจิตเมตตาสงสาร" บ้างไหมกับพระผู้เฒ่า อายุถึง 72 ปี
ที่ตลอดชีวิตทำความดีมาตลอด ไม่เคยทำร้ายคนหรือชีวิตสัตว์เลย

"ผู้มีใจเป็นธรรม" หากจะรู้สึกสะใจกับข่าวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น
ลองย้อนกลับไปอ่านใหม่ทั้ง 4 ข้อ อีกครั้ง

วันนี้ ดีเอสไอ จับพระเพราะอะไร ...คนไทยอาจ งง ๆ ไม่ชัดเจน รู้แต่จะจับ ให้ได้ ผมลองทบทวน ได้ความว่าที่จะจับ เพราะ ข้อหา" พระรับของโจร"

#อรรถชัย อนันตเมฆ# อดีตพระเอกละครทีวี...

   วันนี้ ดีเอสไอ จับพระเพราะอะไร ...คนไทยอาจ งง ๆ  ไม่ชัดเจน รู้แต่จะจับ ให้ได้
ผมลองทบทวน  ได้ความว่าที่จะจับ เพราะ ข้อหา" พระรับของโจร"
หากคิดต่อไปอีกนิด อื่ม มันก็ แปลก ๆ เกิดมาไม่เคยได้ยินว่าพระรับของโจร ...

พระมิใช่ โรงจำนำ ไม่ใช่ร้านรับซื้อของเก่า ธรรมกาย มิใช่ตลาดมืด พระมิได้เหมือนบุคคลปกติ ที่จะ รับซื้อ ..รับขาย 
มีแต่ต้องถวายเท่านั้น ..

เมื่อเป็นแบบนั้น ก็ มีเรื่องให้ต้องพิจารณา

1 โยมถวาย พระ ไม่รับ ได้ไหม ..ไม่มีเหตุ ไม่รับก็ อาบัติ

2  โดยเฉพาะเมื่อ โยมถวายเป็นปัจจัย ส่วนกลาง มิใช่สมบัติส่วนตัว พระมีหน้าที่เป็นคนกลางในการรับมอบเท่านั้น ...ไม่ทำหน้าที่ได้อย่างไร

3  พระจะรู้ได้อย่างไร ว่าอันไหนเป็นของโจร หรือ ไม่เป็น  โจรจะบอกไหมว่า ผมเป็นโจรขอถวายเงินที่ปล้น ..???

4 เมื่อรู้ว่าเป็นของโจร ก็ คืนแล้ว ..แสดงเจตนาบริสุทธิ์

5 เงินก้อนเดียวกัน โยมคนเดียวกัน นำไปกระจายใช้ในหลายลักษณะ ทำไม เจาะจงมาเอาผิดเฉพาะพระ

คดีกล่าวหาพระรับของโจร เป็นคดี ไร้สาระแท้ ๆ ขึ้นศาลไปหากตาชั่งไม่เอียง ก็  มีโอกาสชนะ เสียเวลาทำงานของ ศาลเสียปล่าว ๆ 

ความจริง ดีเอสไอไม่ควร เอามาเป็นเรื่องเสียด้วยซ้ำ ..
แต่ ดีเอสไอ โดยนาย ไพบูรณ์ ก็ ทำ ....

มันเห็นได้ชัดว่าทำเพราะ มีเป็าหมาย ...จำเพาะเจาะจง ..

เพราะ แม้ต่อไปคดีจะยกฟ้อง ก็ คงไม่สำคัญแล้ว   เพราะ พระธัมมชโย ต้องมลทิน  ติดคุก ติดตะราง  สึกจากความเป้นพระไปก่อนแล้ว ...

ทุกอย่าง จะ สำเร็จตามความต้องการของ นายไพบูรณ์ และ ทีม ..
ที่รับงานมา " สึกพระ " ทำลายธรรมกายไปเรียบร้อย

ผมเคยบอกแล้วว่า ผมไม่ได้เป็นศิษย์ธรรมกาย 
แต่ขอยืนข้างธรรมกาย เพราะ... เชย์ กูวาร่า 

เอ๊า ....เขาเคยกล่าวเอาไว้ว่า.. 

" เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม แล้วโกรธจนตัวสั่น ...
เราคือพวกเดียวกัน ..."

#อรรถชัย อนันตเมฆ

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

#‎ดีเอสไอ‬ :หมายจับกับความชอบธรรม "พระธัมมชโย"


#‎ดีเอสไอ‬ :หมายจับกับความชอบธรรม "พระธัมมชโย"
       
       การวิพากษ์นี้ มุ่งประเด็นกรณีพระเทพญาณมหามุนี(พระธัมมชโย แห่งวัดพระธรรมกาย) ข้อเขียนนี้เป็นการตั้งข้อสังเกตจากกรณีที่ศาลอาญา ได้ออกหมายจับ ตามคำร้องของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไปโดยมีการไต่สวนคำร้องที่เปิดโอกาสให้ทั้งฝ่ายเจ้าหน้ารัฐและฝ่ายของตัวแทนผู้ต้องหา คือ พระธัมมชโย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ซึ่งการสอบสวนคดีนี้ยังไม่เสร็จสิ้น แม้ในส่วนคดีนี้ที่ทางฝ่ายผู้ต้องหามีข้อโต้แย้งหลายประการ ตามที่ทราบกันทั่วไปในการแถลงข่าวและขอความเป็นธรรมไปบ้างแล้วนั้น จึงไม่ขอลงรายละเอียดเนื้อหาในคดี เพราะอาจจะกระทบต่อรูปคดี ซึ่งผู้เขียนไม่มีความเกี่ยวข้อง แต่ในฐานะนักกฎหมายผู้หนึ่งและต่อสู้ในทางสิทธิมนุษยชน จึงขอตั้งข้อสังเกตที่เป็นการจับตาไปยังท่าทีและแนวทางของดีเอสไอ ว่าจะดำเนินอย่างไรจึงจะเป็นการเหมาะสม และชอบธรรมเมื่อมี "หมายจับ!"
          หากกล่าวถึงเหตุออกหมายจับ ตามที่ระบุไว้ใน ป.วิ.อ.มาตรา 66 ย่อมหมายความว่า ถ้าไม่มีเหตุออกหมายจับ ศาลจะออกหมายจับไม่ได้ อย่างไรก็ตาม แม้มีเหตุออกหมายจับศาลก็ไม่อาจจะไม่ออกหมายจับก็ได้ ไม่มีกฎหมายมาตราใดบังคับว่า หากมีเหตุออกหมายจับแล้วศาลต้องออกหมายจับ หากศาลเห็นว่าบุคคลนั้นไม่หลบหนีอย่างแน่นอน ศาลอาจไม่ออกหมายจับก็ได้ แม้จะมีเหตุออกหมายจับก็ตาม ซึ่งพนักงานสอบสวนก็จะต้อง "นัดหมาย" หรือออก "หมายเรียก" บุคคลนั้นต่อไป หากบุคคลนั้นไม่มาตามนัดหรือหมายเรียก พนักงานสอบสวนย่อมร้องขอให้ศาลออกหมายจับบุคคลนั้นได้ตามมาตรา 66 วรรคสอง ซึ่งศาลก็จะใช้ดุลพินิจว่าจะออกหมายจับตามคำร้องขอครั้งที่สองของพนักงานสอบสวนหรือไม่
         เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่า ศาลอาญาได้ออกหมายจับ แต่ดีเอสไอก็ใช่ว่าจะต้องจับพระธัมมชโย เพราะเหตุว่าพระธัมมชโยไม่มามอบตัวที่ดีเอสไอภายในเจ็ดวัน หรือตามที่ขีดเส้นตายไว้ กระบวนการในทางอาญายังมีหลักการเป็นแนวทางปฏิบัติอีก จึงอยู่ว่าดีเอสไอจะใช้อำนาจของตนอย่างไร ทั้งนี้ มีข้อพิจารณาอยู่ว่า
         ก.พระธัมมชโย ท่านไม่มาที่ดีเอสไอเพราะเหตุใด มีเหตุอันสมควรหรือไม่
         ข. การต้องบังคับจับกุมตามหมายจับ จะกระทำด้วยความเหมาะสมแก่สถานะของพระธัมมชโย(พระภิกษุ) อย่างไร
        ค. หากดีเอสไอเห็นว่าไม่มามอบตัว จะต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ติดอาวุธเข้าไปจับกุมในวัดพระธรรมกาย อะไรจะเกิดขึ้น
       
ง. คดีนี้ เป็นเพียงขั้นตอนแรกที่ดีเอสไอจะแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อให้โอกาสแก้ข้อหาได้เต็มที่(ย้ำว่าขั้นตอนแจ้งข้อหา) ซึ่งในทางคดี ดีเอสไอควรต้องมีพยานหลักฐานพอสมควรและสามารถกล่าวหาพระธัมชโยได้อย่างหนักแน่น

          ข้อพิจารณาดังกล่าวข้างต้น หากเทียบกับคดีที่มีพระรูปหนึ่งที่ร่วมจัดการชุมนุมทางการเมืองและถูกตั้งข้อหาร้ายแรง ศาลอาญาได้ออกหมายจับไปแล้ว แต่ยังไม่มีจับกุม จนกระทั่งมีกระแสข่าวว่า มีการถอนหมายจับในทางสอบสวนเมื่อสอบเสร็จแล้วส่งสำนวนให้อัยการคดีพิเศษยังได้รับโอกาสให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม แล้วยังไม่สั่งฟ้องต่อศาลกลับทอดเวลานานนับปีได้ ดีเอสไอและอัยการทำอย่างไร เคยมีการชี้แจงต่อสาธารณชนหรือไม่ ดังนั้นด้วยกระบวนการเช่นนี้ เกิดขึ้นภายใต้ความรับผิดชอบของดีเอสไอใช่หรือไม่
           แต่อย่างไรก็ตาม กรณีกล่าวหาพระธัมมชโยนี้ ย่อมจะเป็นสิ่งที่จะสะท้อนถึงบทบาทหน้าที่ของดีเอสไอที่อยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงยุติธรรม มีรัฐมนตรียุติธรรมกำกับดูแลทางด้านนโยบาย ด้านอื่นจะมีหรือไม่ไม่ใช่ประเด็นในที่นี้ นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งสะท้อนถึงการทำงานของคณะพนักงานสอบสวนได้ไม่น้อยในห้วงภาวะการเมืองและอำนาจการปกครองประเทศอย่างมีนัยยะหรือไม่ เพราะผู้คนที่สนใจ อาจมองไปถึงผู้ที่กล่าวโทษตั้งรูปคดีด้วยว่าบุคคลเหล่านั้นมีที่มาอย่างไร สอดรับกับการตั้งข้อรังเกียจของผู้ใดหรือไม่ ข้อกล่าวหาเป็นไปตามหลักกฎหมายที่เป็นฐานความผิดชัดแจ้งและมีพยานหลักฐานได้มั่นคงเพียงใด
            ในทางการสอบสวนและรูปคดี ที่ผ่านมาไม่เพียงเฉพาะดีเอสไอเท่านั้น แต่รวมถึงพนักงานสอบสวนในคดีทั่วไป จะเป็นคดีดัง คดีสะเทือนขวัญ คดีการเมืองก็ตาม การกล่าวหาและการสอบสวนที่มี ก็ล้วนแต่เป็นการผลักภาระไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งหากตั้งสมมุติฐานทางการสอบสวนมาเช่นใดพนักงานอัยการก็ต้องสั่งฟ้องตามพนักงานสอบไป แล้วสุดท้ายภาระทั้งหมดในการแก้ต่างต่อสู้คดีก็ตกแก่ผู้ต้องหาหรือจำเลย ซึ่งจากคำพิพากษาต่างๆในคดีอาญา คำวินิจฉัยและเหตุผลประกอบมักปรากฎว่าให้น้ำหนักแก่การทำงานของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการไม่มีสาเหตุโกรธเคือง ไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้ต้องหาหรือจำเลยมาก่อน และปฏิบัติหน้าที่ราชการปราศจากอคติใดๆ แล้วท้ายที่สุดพิพากษาลงโทษจำเลย คดีนี้จึงเป็นอีกคดีหนึ่งที่น่าสนใจว่า กระบวนการยุติธรรมทางอาญาของประเทศไทย จะพัฒนาไปสู่ความก้าวหน้าหรือความถดถอยไปหรือไม่ อย่าได้มองเพียงว่า ผลประโยชน์ที่อาจมีวาระซ่อนเร้นจากความขัดแย้งนี้จะตกที่ผู้ใดหรือไม่ แต่อาจต้องมองว่าประชาชนพลเมืองไทยจะต้องเผชิญกับระบบยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรมไปอีกกี่ปีกี่สมัยกัน
      วลีที่ให้ประชาชนต้องเคารพกฎหมาย มิใช่เป็นการใช้กฎหมายตามใจคนใช้ แต่สิ่งสำคัญ คือ ต้องทำให้คนใช้อำนาจตามกฎหมายน่าเคารพและเป็นที่ยอมรับได้.

Cr. https://www.facebook.com/photo.php?fbid=587467968101245&set=a.284778021703576.1073741827.100005141416933&type=3&theater

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ชี้แจงประเด็น ข้อกล่าวหา พระเทพญาณมหามุนี(หลวงพ่อธัมมชโย)


ชี้แจงประเด็น พระเทพญาณมหามุนี(หลวงพ่อธัมมชโย) ดังต่อไปนี้
*************************
1) ปฏิเสธการเดินทางออกนอกประเทศของหลวงพ่อธั­มมชโย
2) ข้อแท้จริงเรื่องใบรับรองแพทย์
3) ลูกศิษย์ลงชื่อถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริก­าเพื่อขอความเป็นธรรมให้หลวงพ่อ

โดยพระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
ณ สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี


วันนี้ 21 พ.ค. วัดพระธรรมกาย แถลงแจงปมใบรับรองแพทย์ พระธัมมชโย ยันใบรับรองแพทย์ ที่รับรองอาการอาพาธไม่เป็นเท็จ 
พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวโส  ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย เปิดแถลงชี้แจงกรณีใบรับรองแพทย์โรงพยาบาลค่ายภาณุรังษี โดยยืนยันว่า แพทย์ได้ไปทำการตรวจพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโยจริง โดยการร้องขอจากคณะแพทย์ที่ทำการรักษา เพราะเห็นว่ามีความเชี่ยวชาญเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้มติทางทีมแพทย์ด้วยกันลงความเห็นว่า ใบความเห็นแพทย์ท่านนั้น ไม่ได้เป็นเท็จ อีกทั้งการออกใบความเห็นแพทย์ ให้แก่ผู้ป่วยที่แพทย์ไปตรวจนอกสถานพยาบาลสามารถทำได้ 
ขอขอบคุณแหล่งข่าว:

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

คำถามที่รอคำตอบ ในคำถามที่ไม่ควรถาม

ผมได้บริจาคเงินให้แก่องค์กรการกุศลต่างๆ หลายองค์กร
และไม่เคยมีผู้รับบริจาครายใดถามผมเลยว่า เงินจำนวนนั้นได้มาจากไหน?
สำหรับองค์กร ซึ่งเป็นผู้รับบริจาคแล้วนั้น
ไม่มีความเป็นไปได้เลย ที่จะไปตรวจสอบว่า เงินที่ได้รับมานั้น มาจากไหน?
ทางองค์กร สามารถทำได้เพียงรับไว้ หรือไม่ก็ปฏิเสธ และสิ่งเหล่านี้ก็เป็นสากลในทุกแห่งทั่วโลก
จะให้ถามทุกๆ คน ที่บริจาคเลยหรือว่า เงินบริจาคนั้น มาจากไหน?
คุณเป็นโจรหรือเปล่า? หรือเงินมาจากการค้ายาเสพติด? หรือว่าอย่างไร?

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Buddhisten demonstrieren weltweit gegen geplante Inhaftierung Ihres Oberhauptes ชาวพุทธทั่วโลกรวมตัวคัดค้านการออกหมายจับท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

Buddhisten demonstrieren weltweit gegen geplante Inhaftierung Ihres Oberhauptes
      Buddhisten sind friedliebende Menschen. Wenn es aber um Ungerechtigkeit geht, werden selbst die friedvollen Buddhisten aktiv. Seit zehn Jahren wird gegen den obersten Abt der Dhammakaya Gemeinde, Luang Phor Dhammachiyo ermittelt. Vielfältig sind die Vorwürfe gegen die buddhistische Einrichtung. Bisher ist der Abt selbstverständlich immer vor Gericht erschienen, jedoch ist es Ihm seit kurzem – aus gesundheitlichen Gründen – nicht mehr möglich zu den Gerichtsterminen vor Ort zu erscheinen.
      Daraufhin hat das DSI - Department of Special Investigations – jetzt die Zwangsinhaftierung beantragt. Obwohl es kein vollstreckbares Urteil gibt und drei unabhängige Ärzte den sehr schlechten Gesundheitszustand diagnostiziert und offiziell bestätigt haben. Man könnte hier von Willkür sprechen. Es könnte auch sein, dass hier ganz andere Ziele im Fokus stehen!
      Um die drohende Inhaftierung von Luang Phor Dhammachiyo abzuwenden haben sich jetzt die Dhammakaya Zentren aus 72 Städten zusammengeschlossen und an Amnesty International gewandt. Beinahe zeitgleich ging auch ein Schreiben an den - High Commissioner der United Nations for Human Rights in Thailand.
      Um dem ganzen noch mehr Nachdruck zu verleihen demonstrierten in 72 Städten mit Dhammakaya Zentren die Buddhisten gegen die Vorgehensweise der staatlichen Behörde.
Die Fotos zeigen Städte wie, Stockholm, Los Angeles, Bangkok und Königsbrunn. Denn hier steht der zweitgrößte Wat Europas. Die Aktion wurde Live im Fernsehen in Thailand übertragen. Bald wird sich zeigen, ob der 78-jährige trotz UN, Amnesty International und Demos ohne Urteil in Haft muss.
ชาวพุทธทั่วโลกรวมตัวคัดค้านการออกหมายจับท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ชาวพุทธเป็นผู้รักความสงบ และรักสันติสุขแต่เมื่อใดที่เขาเผชิญความอยุติธรรม พวกเขาจะไม่นิ่งดูดาย
         ในกรณีหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถูกหมายจับจาก DSI ถึงแม้ว่ายังไม่มีการสรุปคดีใดๆ และบัดนี้ท่านอาพาธ ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้ยื่นใบรับรองแพทย์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อแสดงว่า ไม่สามารถเดินทางไปให้ปากคำกับ DSI ได้
แม้กระนั้นก็ตาม DSI ก็ยังขอหมายจับจากศาล
      การกระทำของ DSI ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนอย่างมาก ทำให้ศิษย์วัดพระธรรมกายและคนทั่วโลกเกิดคำถามและความสงสัยขึ้นว่า
"เหตุใด DSI จึงทำเช่นนั้น หรือคดีนี้มีความไม่ชอบมาพากลอยู่เบื่องหลัง"
คณะศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลกจึงยื่นหนังสือไปยัง Amnesty International และ UN เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่หลวงพ่อธัมมชโย
    ชาวพุทธทั่วโลกออกมาแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
และการเคลื่อนไหวครั้งนี้ถ่ายทอดสดไปยังประเทศไทย
     สุดท้ายต้องรอดูว่าการเคลื่อนไหวจะมีผลต่อหมายจับในคดีที่ยังไม่ถูกสรุปนี้หรือไม่ โปรดติดตาม...
สำนักข่าวเมือง Königsbrunn ประเทศเยอรมนี
ลงวันที่ 17 พ.ค. 2559
Cr.https://www.facebook.com/koenigsbrunn/photos/pcb.1030648096973094/1030647770306460/?type=3&theater

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

🌐เคลียร์ชัด..!! หลักฐานเส้นทางการเงินแบบจะๆของวัดที่ไม่เคยเปิดเผยที่ใดมาก่อน !!!

🌐เคลียร์ชัด..!! หลักฐานเส้นทางการเงินแบบจะๆของวัดที่ไม่เคยเปิดเผยที่ใดมาก่อน !!!

🌐มาดูกันว่า..จะฟอกเงิน-รับของโจรหรือโดนรังแกหรือไม่?

🌐DSI ยุติธรรมจริงหรือ?

🌐ดูก่อนโดนลบ..คลิกเลย คลิปสั้นๆ 5 นาที

           นี่คือเส้นทาง ทางการเงินที่เนื่องด้วยเช็คสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่ พระเทพญาณมหามุนีได้รับบริจาค ผมขออนุญาตเอาเช็คจำนวนเงินออกมาให้เห็นเลยนะครับ เช็คนั้นตอนนั้นพระเดชพระคุณหลวงพ่อมีสมณะศักดิ์ที่ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เช็คที่รับมาตามรายละเอียดการสืบสวนสอบสวนนั้น มี 11 ใบ แต่ไม่ได้รับเช็ค 1 ใบ
         ดังนั้นตามปรากฏและมีการสืบสวนสอบสวนผ่านไปแล้วนั้นก็คือ 10 ใบ ซึ่งเป็นเงินรวม 387 กว่าล้านบาท ผมได้ทำเส้นทางแห่งการเมืองให้เห็นเลยนะครับ 4ใบแรก และ3ใบต่อมา รวมแล้วเป็น 7 ใบ คณะกรรมการการเงินนะครับ เมื่อมีการถวายแบบเปิดเผยต่อหน้าสาธารณะโดยสุจริตต่อพระเดชพระคุณ           หลวงพ่อธัมมชโย แล้ว คณะกรรมการการเงินได้นำเอาเช็คไปเข้าสู่กระบวนการโดยเข้าบัญชีของพระราชภาวนาวิสิทธิ์ 7ใบแรกได้เข้าบัญชีนี้ จากนั้นยอดเงินทั้งหมดนี้ได้โอนเข้าสู่มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูงทั้งหมด ไม่มีการเบิกด้วยเงินสดแม้แต่บาทเดียว ส่วนอีก3ใบนี้เข้าตรงมาที่มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง อันนี้เป็นกระบวนการของคณะกรรมการการเงินเสร็จสิ้นแล้ว                     
         พอพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยท่านโอนเข้าสู่มูลนิธิแล้ว ถือว่าเป็นสาธารณะแล้ว นี้เป็นสาธารณะประโยชน์ส่วนกลางแล้ว รวมแล้วไม่ใช่เงินส่วนตัวแล้วนะครับ เงินทั้งหมดทั้งก้อนนี้ 387กว่าล้าน ก็นำไปจ่ายค่าก่อสร้าง ในยุคนั้นมีการก่อสร้างอาคารร้อยปีคุณยายมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง  ซึ่งก็ทำโดยเจตนารมณ์ของผู้บริจาค ก็นำเอาเงินไปสร้าง ท่านดูบรรทัดสุดท้ายก็ได้ครับ ในรอบการจ่ายค่ารับเหมาก่อสร้าง ค่างานระบบ ค่าเหล็กเส้น รวมทั้งหมดเป็นเงิน 1,200 กว่าล้านบาท นี้คือการใช้จ่าย
           บางท่านอาจจะบอกว่า ทำไมรับมาแค่ 387 กว่าล้านบาท ก็มีผู้บริจาครายอื่นๆด้วยครับ ไม่ใช้แค่เฉพาะคุณศุภชัยนะครับ ตรงนี้ผมขออนุญาตนำมาให้ทุกคนได้รับทราบว่าการตั้งข้อหารับของโจรนั้น คณะศิษยานุศิษย์ต่างรู้สึกไม่เป็นธรรม ท่านรับโดยสุจริต รับโดยเปิดเผย รับต่อหน้าสาธารณะชน ด้วยศีลธรรมจรรยา ที่ประพฤติปฏิบัติมาแต่โบราณกาล ที่พระภิกษุจะเป็นผู้รับถวาย ของทายกทายิกาได้น้อมมาถวาย และคงเป็นการเสียมารยาทถ้าจะถามว่า เงินนี้ได้มาจากไหน 
           ลองคิดถึงตัวท่าน ท่านนำปัจจัยใส่ซอง ท่านนำเงินไปทำบุญที่วัด ก่อนจะทำพระท่านถาม ความปลื้มใจก็ไม่เกิดแล้ว ในขณะเดียวกันนะครับ ท่านสื่อมวลชนทุกท่าน พระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่เคยเห็นเช็ค ไม่เคยทราบจำนวนตัวเลข มาทราบเอาภายหลังเมื่อมีเรื่องมีราว มีคดีความกัน และไม่เคยมีการเบิกเงินสดออกจากบัญชีท่านแม้แต่บาทเดียว สามารถตรวจสอบเส้นทางทางการเงินได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และเคยมีหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง มาสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ แล้วเป็นธรรมไหมครับ ที่ DSI ตั้งข้อกล่าวหาท่านว่า รับของโจร เป็นการกลั่นแกล้วกันหรือไม่ครับ
󾭣https://youtu.be/Af54escXG9c

ถามตรงๆ กับจอมขวัญ : หมายจับ "พระธัมมชโย" | 18-05-59

ถามตรงๆ กับจอมขวัญ : หมายจับ "พระธัมมชโย" | 18-05-59

จากที่ฟังรายการถามตรงๆกับจอมขวัญ ช่องไทยรัฐทีวี
ในช่วงที่จอมขวัญโฟนอินกับรอง DSI พอที่จะจับประเด็นการสนทนา ได้แบบนี้นะครับ
จอมขวัญ :
สมมติว่าหลวงพ่อไม่เดินทางไปจะทำยังไงต่อ
DSI :
เราไม่ได้คิดเผื่อไว้ รอถึงวันที่ 26 จะประชุมอีกที
จอมขวัญ : ถ้าผู้ที่ถูกกว่าหาไม่สามารถเดินทางมาพบเจ้าพนักงานได้จริงๆ มีตัวเลือกอื่นไหม ?
DSI :
เมื่อหมายจับออกมาแล้วต้องจับกุมตัว ทางDSI ได้ดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง เป็นไปด้วยความอะลุ่มอะหล่วยกัน
จอมขวัญ :
ทางลูกศิษย์อยากจะให้คณะแพทย์หรือบุคคลที่ 3 เข้ามาพิสูจน์ ว่าไม่สามารถเดินทางไปได้จริงๆ ตรงนี้จะมีขั้นตอนก่อนจะถึงวันที่ 26 ได้ไหม
DSI :
ตอนนี้เลยขั้นตอนนั้นมาแล้ว ในขั้นตอนนั้นเป็นขั้นตอนก่อนขออนุมัติออกหมายจับ
จอมขวัญ :
งั้นขอถามย้อนกลับไป ว่าก่อนออกหมายจับ ทำไมถึงไม่มีทีมแพทย์หรือบุคคลที่3 ไปพิสูจน์ว่าท่านป่วยมาไม่ได้จริงๆตามที่เขาอ้างไว้
DSI :
เอ่อ..........อันนี้ผมขออนุญาตไม่ตอบ อย่างที่ว่ามันเลยขั้นตอนมาแล้ว
ผม: (ทำไมถึงเลยขั้นตอนทั้งที่ไม่ได้ทำ นี่เป็นสิ่งที่DSIต้องออกมาตอบสังคม)
จึงขอตั้งข้อสงสัยนะครับ
- DSI บอกว่าทำตามขั้นตอนทุกอย่าง(อย่างอะลุ่มอ่ะหล่วย)
ตามที่พูดจริงหรือไม่?
-DSI ทำงานลัดขั้นตอนหรือไม่?
-ทำไม?ถึงเร่งรัดที่จะออกหมายจับ
-หาก DSI ไม่เชื่อว่าท่านป่วยจริงทำไมไม่ส่งแพทย์มาตรวจ ทำไมถึงไปขอหมายจับเลย(ขั้นตอนตรงนี้หายไปไหน)
- DSIก็มาบอกว่าเลยขั้นตอนนั้นมาแล้ว......
มันจะเลยขั้นตอนได้อย่างไรในเมื่อคุณยังไม่ส่งแพทย์ไปตรวจหลวงพ่อ อย่างนี้จะให้สังคมคิดอย่างไร
- ถ้าไปแล้วเป็นอันตรายต่อชีวิตใครจะรับผิดชอบ?
.........เด็กวัดคนหนึ่ง...........
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10201727788991776&set=a.2295475441655.65011.1692178767&type=3&theater



https://www.youtube.com/watch?v=tLIjZzP_bx8

กรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ : ไม่เข้าข่ายฟอกเงิน-รับของโจร! หยุดใส่ร้ายได้แล้ว!


มองยังไงก็ไม่เข้าข่ายฟอกเงิน-รับของโจร!


กรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ โดยนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ที่มีความพยายามจากบางฝ่ายในการเชื่อมโยงมาถึงเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนั้น อันที่จริงไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะหากอธิบายตามหลักกฎหมายบ้านๆ จะได้ว่า

1. นายศุภชัย คือนักธุรกิจคนหนึ่งที่เป็นนักสังคมสงเคราะห์ และเลื่อมใสในศาสนาพุทธ รวมถึงวัดพระธรรมกาย ครั้งจะบอกว่าเป็นศิษย์เอกหรือเจ้าภาพใหญ่สุดของวัด ก็คงตอบเลยว่าไม่ใช่แน่ๆ ฉะนั้น จงหยุดความคิดว่า ทางวัดจะบงการให้นายศุภชัยไปทำเรื่องผิดกฎหมายอย่างที่คนบางกลุ่มกำลังสร้างวาทกรรม

2. ที่ผ่านมานายศุภชัย บริจาคองค์กรการกุศลต่างๆในประเทศไทยมากมาย รวมถึงบุคคลสำคัญระดับสูง ถ้าวัดพระธรรมกายถูกเอาผิดเพราะรับเงินจากนายศุภชัย ผู้ที่รับบริจาครายอื่นๆ ก็ต้องถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่

3. และหากพิจาณาตามหลักการฟอกเงิน-รับของโจรแบบบ้านๆ จะได้ว่า

         3.1 เจ้าอาวาสฯรับบริจาคโดยเปิดเผย ซึ่งท่านยืนยันมาตลอดว่า ไม่ทราบที่มาของเงินฉะนั้น เมื่อสืบเจตนาแล้ว ตามหลัก คือ ไม่ผิด” ..จบ1! (แต่ถ้าผู้กล่าวหาจะเอาผิดให้ได้ จะต้องหาพยานหลักฐานมายืนยันให้แน่นหนา)

         3.2 นายศุภชัย กล่าวว่า เงินที่นำมาบริจาคให้กับวัดพระธรรมกาย เป็น เงินยืมจากสหกรณ์” และได้ คืน” สหกรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำถูกต้องตามหลักบัญชี” ดังนั้น เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไม่ผิด..จบ2!

          3.3 หลักกฎหมายฟอกเงิน-รับของโจรอีกอย่าง ระบุว่า ถ้า มีมูลหนี้ต่อกัน” ก็จะไม่เข้าข่าย แปลง่ายๆคือ มีธุรกรรม/ธุรกิจ/เป็นเจ้าหนี้-ลูกหนี้ ก็ไม่ใช่การรับของโจร-ฟอกเงิน เช่น นายศุภชัย เป็นหนี้นายโชค แล้วจ่ายเช็คให้นายโชค ตรงนี้นายโชคไม่ผิด.. เช่นกัน กรณีวัดพระธรรมกาย นายศุภชัย ประกาศเป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการว่า จะรับเป็นเจ้าภาพสร้างศาสนาสถาน ซึ่งเป็นการบริจาคโดยมีวัตถุประสงค์และการรับบริจาค เป็นนิติกรรมสัญญาซึ่งมี มูลหนี้ที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย” ดังนั้น เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไม่ผิด..จบ3!

          3.4 ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายมิได้นิ่งนอนใจต่อความเดือดร้อนของสมาชิกสหกรณ์ฯ ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วเรื่องราวภายในสหกรณ์มิได้เกี่ยวข้องกับทางวัด สหกรณ์ไม่ได้ล่มเพราะนายศุภชัยขนเงินบริจาควัด เนื่องจากบริจาคเพียงหลักร้อยล้าน แต่ที่ประเมินความเสียหายคือหมื่นล้าน แต่ด้วยความใจบุญของคณะลูกศิษย์วัด จึงระดมเงินกันช่วยเหลือเยียวยาสหกรณ์ฯ กว่า 600 ล้าน ซึ่งทางสหกรณ์ทำหนังสือขอบคุณและตกลงกันในชั้นศาลแล้วว่า ไม่มีเหตุต้องดำเนินคดีกับทางวัดและเจ้าอาวาส จึงถอนฟ้อง” รวมทั้ง ทางสหกรณ์ยังส่งหนังสือไปยัง ดีเอสไอ และ ปปง.ถึงความไม่ประสงค์จะดำเนินคดีอีกต่อไป ดังนั้น เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไม่ผิด..จบ4!

            3.5 ก่อนหน้านี้ ทีมกฎหมายวัดพระธรรมกาย ยืนยันว่า ดีเอสไอ ไม่มีอำนาจหน้าที่มาตั้งข้อหารับของโจรหรือฟอกเงิน กับบุคคลที่นอกเหนือการระบุชื่อจากพนักงานอัยการ.. ดังนั้น เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไม่ผิด..จบ5!


Cr. https://www.facebook.com/DawKhongGoo/



เหตุผลที่หลวงพ่อธัมมชโยไม่ได้รับความเป็นธรรม

เหตุผลที่หลวงพ่อธัมมชโยไม่ได้รับความเป็นธรรม

พระเทพญาณมหามุนีอุปสมบทมา ๔๗ พรรษา ทำความดีมาทั้งชีวิต ปัจจุบันอายุ ๗๒ ปีแล้ว สุขภาพก็ไม่ค่อยแข็งแรง อยู่ในช่วงปลายของชีวิต แต่ท่านกลับถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร ซึ่งไม่เป็นธรรมกับท่านอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลดังนี้

       ๑. เรื่องเกิดขึ้นเพราะนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้ตกเป็นผู้ต้องหาฐานลักทรัพย์นายจ้าง โดยได้จ่ายเช็คสหกรณ์ฯออกไปยังบุคคลและองค์กรต่างๆ จำนวน ๘๗๘ ฉบับ ซึ่งมีเช็คจำนวน ๑๐ ฉบับ ที่นายศุภชัยได้นำมาทำบุญบริจาคให้พระเทพญาณมหามุนี ซึ่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้เคยมาสอบปากคำเรื่องดังกล่าวกับพระเทพญาณมหามุนีแล้ว และได้ส่งสำนวนการสอบสวนทั้งหมดไปยังอัยการ ซึ่งทางอัยการได้พิจารณาแล้วไม่สั่งฟ้องพระเทพญาณมหามุนี
แต่อยู่ๆ กลับมีการตั้งคดีใหม่ขึ้นมาในเรื่องเดิมที่ได้สอบสวนไปแล้ว และตั้งข้อหาใหม่กับพระเทพญาณมหามุนีว่าสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร เป็นการดำเนินคดีซ้ำซ้อน ขัดกับหลักกฎหมายที่ว่า “กรรมเดียวจะดำเนินคดีซ้ำซ้อนไม่ได้”

       ๒. ความผิดข้อหารับของโจรและฟอกเงินนั้น จะเกิดขึ้นได้เมื่อพระเทพญาณมหามุนีมีเจตนาทุจริตสมคบคิดร่วมมือกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร นำเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ออกมาเพื่อประโยชน์ของตนในทางทุจริต

แต่พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแย้งกับข้อสมมติฐานนี้โดยสิ้นเชิง เพราะพระเทพญาณมหามุนีรับบริจาคโดยเปิดเผยท่ามกลางประชาชนจำนวนเรือนหมื่นเรือนแสน ตัวท่านเองก็ไม่เคยเห็นเช็คเลย เจ้าหน้าที่การเงินเป็นผู้รวบรวมเงินสดและเช็คที่มีผู้บริจาคไปเข้าธนาคาร และจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างศาสนสถานรวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของวัดตามเจตนาของผู้บริจาค ดังที่ได้เคยให้การไว้กับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว

         ๓. หากพระเทพญาณมหามุนีมีเจตนาทุจริตสมคบร่วมมือกับนายศุภชัยฯนำเงินออกมาจากสหกรณ์ฯแล้ว ก็ย่อมจะต้องพยายามปิดบังซ่อนเร้นการกระทำผิดนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะร่วมมือกันกระทำความผิดโดยสั่งจ่ายเช็คของสหกรณ์ฯในชื่อของพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายตามที่ปรากฏ เพราะหากมีการทุจริตนำเงินออกมาจากสหกรณ์ฯจำนวนมาก สุดท้ายสหกรณ์ก็จะต้องประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง อีกทั้งการสั่งจ่ายเงินด้วยเช็คของสหกรณ์ฯ ก็จะต้องมีปัญหาแน่นอน และสามารถตรวจสอบเส้นทางของเงินได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ผู้มีเจตนากระทำความผิดร่วมกันฟอกเงินหรือรับของโจรจะกระทำการจ่ายและรับเงินด้วยเช็คเช่นนั้น



        ๔. ยิ่งกว่านั้น ท่านไม่เคยเบิกเงินสดออกจากบัญชีของท่านเลยแม้แต่บาทเดียว เงินที่นายศุภชัยฯบริจาคด้วยเช็คสหกรณ์ฯ ได้โอนผ่านบัญชีไปจ่ายบริษัทก่อสร้าง ใช้ในการก่อสร้างศาสนสถานตามเจตนาของผู้บริจาคหมดแล้ว ไม่ได้ใช้ไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของท่านเลย ซึ่งมีเส้นทางการเงินที่ตรวจสอบได้ชัดเจนจากผลการตรวจสอบของสำนักงาน ป.ป.ง. และได้มอบหลักฐานให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว



        ๕. มีคำถามว่านายศุภชัยฯบริจาคเงินมากอย่างนี้ พระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายไม่สงสัยหรือว่านายศุภชัยนำเงินบริจาคมาจากที่ใด ความเป็นจริงคือนายศุภชัยฯได้บริจาคเงินให้กับวัด โรงเรียน มหาวิทยาลัย หน่วยงานสาธารณกุศล และหน่วยงานของรัฐหลายแห่ง ทั้งนายศุภชัยฯไม่ใช่ผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของวัดพระธรรมกาย เมื่อนายศุภชัยฯแจ้งว่าประกอบธุรกิจประสบความสำเร็จจึงนำเงินมาทำบุญ ทางวัดพระธรรมกายจึงไม่ได้สงสัยที่มาของเงินบริจาค จึงรับบริจาคไว้เช่นเดียวกับผู้บริจาครายอื่นๆ แต่เมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้น นายศุภชัยฯได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เงินที่นำมาบริจาคทำบุญให้กับวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนีนั้นยืมมาจากสหกรณ์ฯและได้ใช้เงินคืนสหกรณ์ฯครบถ้วนแล้ว

       ๖. เมื่อเกิดคดีความขึ้น ทางคณะศิษยานุศิษย์ของพระเทพญาณมหามุนี เห็นว่าหากปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อไปจนกว่าจะจบการพิจารณาของศาลจะใช้เวลานาน ทำให้สมาชิกผู้ฝากเงินสหกรณ์ฯจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน วัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนีเสียชื่อเสียง จึงได้ตั้งกองทุนเยียวยาช่วยเหลือให้แก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เต็มจำนวนเงินทั้งหมดที่นายศุภชัยฯได้บริจาคให้แก่วัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี โดยทำเป็นข้อตกลงในศาลจำนวนเงิน ๖๘๔.๗๘ ล้านบาท ซึ่งสหกรณ์ฯได้รับเงินไปทั้งหมดแล้ว ส่วนเงินที่เหลืออีกจำนวน ๓๗๐.๗๘ ล้านบาท คณะศิษยานุศิษย์ฯได้ตกลงกับสหกรณ์ฯและมอบเช็คให้แก่สหกรณ์ฯได้รับไปเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นสหกรณ์ฯได้ถอนฟ้องพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกาย และทำหนังสือแสดงเจตจำนงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาแก่พระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายอีก รวมทั้งได้ทำหนังสือขอบคุณมายังคณะศิษยานุศิษย์ของพระเทพญาณมหามุนีที่มีน้ำใจเยียวยาช่วยเหลือสหกรณ์ฯเต็มจำนวน

ดังนั้น สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด จึงไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ทางด้านการเงินจากเงินที่นายศุภชัยฯนำมาบริจาคให้แก่วัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี
ผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดี ซ้ำยังมีหนังสือขอบคุณ แต่ทางดีเอสไอกลับพยายามตั้งข้อหาจะเอาความผิดกับท่าน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

        ๗. เมื่อทางดีเอสไอได้ออกหมายเรียกให้พระเทพญาณมหามุนีไปพบพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙
        ทนายความผู้รับมอบอำนาจของพระเทพญาณมหามุนี ได้ยื่นหนังสือขอเลื่อนการมาพบพนักงานสอบสวน ด้วยเหตุอาพาธโดยมีใบรับรองแพทย์เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. หลังจากพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้ว ได้แจ้งกับทนายเมื่อเวลา ๑๑.๓๐ น. ว่าอนุญาตให้เลื่อนได้ ตกลงกันเป็นวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ทนายความจึงเดินทางกลับ แต่ราว ๑๓.๓๐ น. ทางพนักงานสอบสวนกลับโทรศัพท์แจ้งมาใหม่ว่า ไม่อนุญาตให้เลื่อนและขอออกหมายจับ โดยไม่มีการให้แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจหรือหน่วยงานกลางอื่นใด มาตรวจอาการของพระเทพญาณมหามุนีเลยว่าป่วยจริงหรือไม่

       ถามว่า ดีเอสไอรู้ได้อย่างไรว่าหลวงพ่ออาพาธจริงหรือไม่ ดีเอสไออ้างว่าเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ท่านยังร่วมพิธีได้ แต่ในใบรับรองแพทย์ก็ระบุชัดว่าท่านมีอาการป่วยเฉียบพลัน เหตุผลของดีเอสไอฟังไม่ขึ้นเลย สุดท้ายศาลก็สั่งไม่อนุญาตออกหมายจับ

       ทำไมดีเอสไอจึงเข้มงวดกับพระผู้ใหญ่ที่ทำความดีตลอดชีวิตอย่างนี้ ท่านอาพาธอยู่ที่วัดตลอดทั้งปีไม่เคยออกจากวัดเลยแม้แต่ก้าวเดียว มาพบท่านที่วัดได้ทุกเมื่อ ทำไมต้องออกหมายจับ ท่านป่วยเป็นเส้นเลือดดำใหญ่ที่ขาซ้ายอุดตัน ขาข้างซ้ายใหญ่กว่าขาข้างขวา ๒ เท่าตัว เป็นเบาหวานมีแผลเรื้อรัง และเป็นโรคภูมิแพ้รุนแรง ดีเอสไอก็เคยเห็นกับตาตัวเอง เมื่อมาพบท่านที่วัดคราวก่อนแล้ว ทำไมจึงมาพบท่านที่วัดไม่ได

       ทำไมพนักงานสอบสวนดีเอสไอจึงเปลี่ยนคำพูด ? ตอนแรกบอกว่าให้เลื่อน แล้วกลับเปลี่ยนเป็นไม่ให้เลื่อนแต่ขอออกหมายจับ
ศิษยานุศิษย์ของพระเทพญาณมหามุนีหลายล้านคนทั่วโลกสะเทือนใจมาก


https://www.facebook.com/dmc072/photos/a.10150601168818381.391632.347037738380/10153898977303381/?type=3&theater

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

🌏ออกหมายจับพระผู้ไม่ต่อสู้ 🌍รัฐสร้างความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น..ลุแก่อำนาจหรือไม่?? Issued an arrest warrant for him not to fight. State created controversy unnecessarily. Abuse or not ?

🌏ออกหมายจับพระผู้ไม่ต่อสู้
🌍รัฐสร้างความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น..ลุแก่อำนาจหรือไม่??
Issued an arrest warrant for him not to fight. State created controversy unnecessarily. Abuse or not ?

🌐การที่ DSI ขอให้ศาลยุติธรรมออกหมายจับ พระเทพญาณมหามุนี ( หลวงพ่อธัมมชโย ) แห่งวัดพระธรรมกาย กรณีขอผัดผ่อนเลื่อนมาให้การในคดีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐาน ด้วยเหตุผลที่ท่านอาพาธ และมีคำรับรองของแพทย์ว่า อาพาธจริง
The DSI asked the Court of Justice issued an arrest warrant. Phrathcpyanmahamuni (Most Venerable Dhammajayo) of Phra Dhammakaya temple. In case deferred.Scroll to the case is under review by the cvidcncc.A reason for electing And a testimonials that doctors actually ill..


🌐การออกหมายจับในครั้งนี้ ภาครัฐกำลังก้าวพลาดครั้งสำคัญ เพราะเป็นการออกหมายจับ ผู้ที่ศาลฯยังมิได้พิพากษาว่าเป็นจำเลย นั่นประการแรก
"Government is going to miss significant time. Because the arrest warrant The court has not yet ruled that a defendant. That first."


🌐ประการที่สอง ผู้ถูกกล่าวหา มีเหตุผลอันควร ที่เจ็บป่วยจริง ๆ มิได้เสแสร้ง และมีแพทย์ผู้มีใบประกอบโรคศิลป์ให้คำรับรองว่าท่านอาพาธจริง
Secondly -Accused Have reason to The illness is really a sham and a physician medical license to ensure that you actually ill. 

🌐การไม่เชื่อถือแพทย์ อาจเป็นเหตุผลรองลงไปจากการที่ DSI ที่เป็นตัวแทนภาครัฐ มีธงในใจที่จะต้องการเร่งรัด อะไรบางอย่างหรือไม่ ??? นี่คือเป็นการพลาดประการที่สอง
-Not trust the doctor The reason may be inferior to the DSI representative government. Flags have in mind to want to accelerate. Something or not ??? 'I'his is the second miss.

🌐ประการที่สาม ภาครัฐ ใช้ DSI เป็นหนังหน้าไฟ กระทำการสร้างความขัดแย้งครั้งสำคัญ ประกาศศึกกับฝ่ายศาสนจักร
Third, the government DSI is committed scapegoat. Create major conflict Declared war against the Church. 

🌐อย่าลืมว่า พระธัมมชโย ยังมิได้มีฐานะเป็นจำเลย ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการไต่สวน
🌐ดังนั้น การไม่ยอมผ่อนปรน โดยอาจเร่งรัดเพื่อหวังผลในใจอย่างไรหรือไม่ ?????
Do not forget that the Most Venerable Dhammajayo not as a defendant. Everything is still in the process of inquiry. - not so intolerant The precipitation may aspire to the heart, or not ?????

🌐ประการใดก็ตาม นับเป็นการ “สร้างความขัดแย้ง“โดยไม่จำเป็น และเป็นการขัดแย้งครั้งสำคัญ ที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของชาวพุทธโดยรวม หากไม่นับขั้วการเมือง
-In any given marks "created controversy" unnecessary. And a major conflict Sensitive to the feelings of Buddhists in general. Excluding political polarization.

🌐การก้าวพลาด เพียงเพราะลุแก่อำนาจในครั้งนี้ของภาครัฐ ยังจะนับได้อยู่หรือไม่ว่า..กระบวนการสร้างความปรองดองที่มีมาตั้งแต่ต้น ความตั้งใจที่จะกระทำให้บ้านเมืองสงบสุข ตามที่รัฐบาล โดยการนำของ คสช. ป่าวประกาศต่อประชาชน ต่อสังคมโลก จะเป็นจริงหรือไม่ ???????
-Pace miss just because of abuse in this sector. Will also count on that.. A reconciliation process from the beginning. The intention is to make the country peaceful.

🌐ขอศาลฯที่เคารพ ได้โปรด ตรองดูด้วยหัวใจที่เป็นธรรม ดิฉัน กราบขอความเมตตาแทน ศาสนจักรโดยรวม โดยเล็งเห็นถึงความสงบสุขของประเทศชาติ เล็งเห็นถึงสิ่งที่จะสูญเสียโดยไม่อาจเรียกคืน นั่นคือ การสูญเสียศรัทธา ที่ประชาชนจะมีต่อภาครัฐ ต่ออาณาจักรของตน อย่างไม่อาจจะเรียกคืนได้อีกต่อไป !!!!!!!
The government, led by the Commission. Heralding to the world the people are real or not ? Ask the Court to respcct Citroen please see the heart that is fair, I respectfully ask for mercy instead. Overall Church By seeing the peace of the nation. Foresaw what would be lost by not restoring that lost faith. The public will have a government. To his empire It may not be restored anymore !!!
🌐ศศินภา นิติธรรมปพน
อดีตคณะกรรมการปฏิรูปแนวทาง
และมาตรการปกป้องพิทักษ์
กิจการพระพุทธศาสนา
สภาปฏิรูปแห่งชาติ
Written by Napa’s John Sasi, Rule of law.
Former Reform Committee guidelines
Safeguards and Protection
Religious affairs, National Council reform